สำหรับคนที่มีฝัน และต้องการมีบ้านสักหลัง มีความพร้อมประมาณหนึ่ง และต้องการเงินก้อน เพื่อมาหมุนไม่ให้ขาดมือ และใช้จ่ายได้อย่างปกติ สินเชื่อบ้าน จึงเป็นทางเลือกหนึ่งของผู้มีฝัน อังนั้น เราจะมาดูกันว่ามีหลักการอะไรที่เราควรรู้ เมื่อคิดจะ กู้ซื้อบ้าน
- ดูความเหมาะสมของหลักประกันและคุณสมบัติของผู้กู้
ทาง ธนาคารหรือสถาบันการเงิน จะดูจากมูลค่าของอสังหาริมทรัพย์ที่คุณต้องการซื้อ ซึ่งจะส่งผลต่อการอนุมัติของธนาคาร หากเป็นบ้านที่มีมูลค่าทางตลาดสูงและตั้งอยู่ในทำเลดี และหากทำประกันให้อสังหาริมทรัพย์หลังนั้น ก็อาจเป็นการเพิ่มโอกาสการได้รับอนุมัติสินเชื่อเช่นกัน ส่วนคุณสมบัติจองผู้กู้ แน่นอนว่าธนาคารจะต้องดูอายุและประวัติส่วนตัวของคุณ ซึ่งจะนำมาใช้ในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ ตั้งแต่อาชีพไปถึงอายุ โดยอายุของคุณเมื่อครบเวลาผ่อนชำระจะต้องไม่เกิน70ปี รวมไปถึง เครดิตสกอร์ จากเครดิตบูโร หากอยู่ในระดับที่ดีโอกาสที่จะได้รับการพิจารณาจากสถาบันการเงินก็สูงขึ้นไป อีก
- ฉลาดเลือกสินเชื่อและดอกเบี้ย
ส่วนใหญ่แล้วสินเชื่อแต่ละแบบในแต่ละธนาคารต่างมีข้อเสนอที่แตกต่างกัน คุณควรเลือกสินเชื่อให้ตรงกับวัตถุประสงค์ อย่างสินเชื่อคอนโดที่อาจมีวงเงินกู้สูงสุดได้ 100% ของราคาประเมิน สำหรับสินเชื่อบ้านจะมีวงเงินกู้สูงสุดเพียง 90% ของราคาประเมิน หรือหากกู้เงินสร้างบ้านเอง โดยวงเงินกู้จะแบ่งเป็นส่วนของค่าจ้างปลูกสร้าง และอยู่ในส่วนของราคาประเมินที่ดิน สำหรับส่วนดอกเบี้ยสำหรับการกู้เงินซื้อบ้าน ที่ส่วนใหญ่จะเป็นการคิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก คือดอกเบี้ยจะถูกคำนวณจากเงินต้น แต่ก็จะมีจำนวนลดลงจากการผ่อนชำระหนี้ของคุณในแต่ละงวด ซึ่งดอกเบี้ยจะแบ่งเป็น อัตราดอกเบี้ยคงที่ และอัตราดอกเบี้ยที่เป็นแบบลอยตัว โดยในลักษณะแบบลอยตัวจะเป็นการอ้างอิงกับค่า MRR, MLR, และ MOR ที่อาจจะมีค่าเปลี่ยนแปลงตามประกาศของแต่ละธนาคาร โดยทั่วไปแล้วทางธนาคารมักจะใช้อัตราดอกเบี้ยทั้งสองแบบควบคู่กัน ซึ่งการขอเงินกู้ ควรเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยของสถาบันการเงินแต่ละแห่งให้ดี และควรทำการพิจารณาแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยเสมอ
ในส่วนของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของแต่ละสถาบันการเงินส่วนใหญ่ไม่เท่ากัน ควรนำมาเปรียบเทียบกันเพื่อเลือกขอกู้กับสถาบันการเงินที่ให้ข้อเสนอที่ดี ที่สุด และควรพิจารณาถึงแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยอื่นๆ ประกอบด้วย หากทิศทางดอกเบี้ยเป็นขาขึ้น ควรเลือกแผนที่ให้อัตราดอกเบี้ยคงที่ในระยะยาว หากดอกเบี้ยเป็นขาลง ควรเลือกแผนที่ใช้อัตราลอยตัวในช่วงแรก ๆ เพื่อให้ได้รับประโยชน์จากการปรับอัตราดอกเบี้ยให้ได้มากที่สุด
- หลักเกณฑ์ในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ
หากทราบถึงหลักเกณฑ์ในการขอสินเชื่อว่าคุณจะได้รับการอนุมัติหรือไม่นั้น จะทำให้คุณสามารถคาดเดาได้อย่างไม่ยาก ในกรณีที่คุณกำลังคิดจะยื่นขออนุมัติ กู้ซื้อบ้าน จะได้ไม่ต้องนั่งลุ้นรอผลจากทางธนาคาร หรือหากมั่นใจว่าจะได้รับการปฏิเสธก็จะได้ไม่ส่งคำขออนุมัติให้เป็นการเสียเวลา ซึ่งหลักเกณฑ์การพิจารณาส่วนใหญ่อันดับแรกจะขึ้นอยู่กับว่า คุณมีความสามารถในการชำระหนี้ได้มากแค่ไหน เพราะธนาคารผู้ให้สินเชื่อจะทำการพิจารณาจากรายได้ และหากมีผู้กู้ร่วม ก็จะนำรายได้ของผู้กู้ร่วมมาคำนวณด้วย โดยส่วนมากจะให้กู้เป็นวงเงินสูงสุดประมาณ 30 – 40 เท่าของรายได้ แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละธนาคาร เพราะนอกจากรายได้แล้ว บางธนาคารจะนำอาชีพของผู้กู้มาประกอบการตัดสินใจ หากเป็นอาชีพที่มั่นคง ก็อาจได้รับการอนุมัติวงเงินสูงกว่า และยังต้องพิจารณาไปถึงหนี้สินต่อรายได้ต่อเดือนของคุณอีกด้วย
“จำไว้ธนาคารอาจไม่อนุมัติ หากอัตราหนี้ของคุณต่อรายได้เกิน 40%”
- วิธีจัดการกับเงิน กู้ซื้อบ้าน อย่างมีประสิทธิภาพ
การกู้บ้านมักจะมีระยะเวลาในการผ่อนที่แสนนาน ดูแล้วเหมือนจะหลายปีมาก หากเป็นการผ่อนบ้านส่วนใหญ่มักจะเป็นใช้เวลาการผ่อนนานกว่าสิบปี หากรู้วิธีจัดการ เงินกู้บ้าน ก็จะทำให้ชีวิตในช่วงการผ่อนนี้ ผ่านพ้นไปได้ด้วยรอยยิ้ม ซึ่งคุณเองก็ต้องรู้ขีดความสามารถของตัวเองก่อน ทำการตัดสินใจกู้เงิน คือ ต้องรู้สถานภาพทางการเงินของตัวเอง รวมถึงการคาดการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ว่าจะสามารถผ่อนชำระหนี้ได้มากขึ้นหรือน้อยลงแค่ไหน ความสามารถในการผ่อนชำระหนี้คำนวณได้จากกรายได้ในแต่ละเดือน แล้วให้ทำการหักออกด้วยรายการจ่าย ไม่ว่าจะเป็นหนี้ที่ต้องจ่ายทุกเดือน ที่เป็นค่าใช้จ่ายประจำ หรือค่าใช้จ่ายส่วนตัว รวมไปถึงเงินออม และมาดูว่าจะยังคงเหลือเงินเป็นจำนวนเท่าไหร่ เมื่อคำนวณค่านี้ได้แล้ว คุณยังสามารถนำไปใช้ประกอบในการคำนวณวงเงินที่คุณจะทำเรื่องขออนุมัติเงินกู้ด้วย จำไว้เลยว่าหากกู้มาก ก็จะทำให้ดอกเบี้ยมากตามไปด้วย ควรขอกู้แค่เท่าที่จำเป็นถึงแม้ว่าคุณจะได้รับข้อเสนอให้กู้ด้วยวงเงินที่สูงกว่าที่ขอก็ตาม
- มีวินัยการผ่อนอย่างสม่ำเสมอ
เพื่อป้องกันการผิดนัดชำระหนี้ ที่อาจก่อให้เกิดดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ อาจใช้บริการตัดบัญชีธนาคารแบบอัตโนมัติ และอย่าลืมที่จะตรวจสอบความถูกต้องของใบแจ้งหนี้ รวมถึงยอดชำระในแต่ละงวด และยอดเงินค้างชำระทุกครั้ง อย่าลืมแจ้งไปที่สถาบันการเงินเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงที่อยู่ เพื่อที่คุณจะได้ไม่พลาดการติดต่อหากมีการส่งเอกสารสำคัญ และเมื่อใดที่คุณมีเงินก้อนพิเศษ จึงควรลดเงินต้นให้มากและเร็วที่สุด ทั้งนี้ก็เพื่อทำให้ดอกเบี้ยในการผ่อนแต่ละงวดมีการลดลง รวมถึงระยะเวลาการผ่อนที่สั้นลงด้วย คุณสามารถจ่ายเงินค่างวดต่างๆ ได้มากกว่าที่กำหนดในทุก ๆ เดือน ในกรณีมีรายได้พิเศษจากการทำงานเสริมมาโปะหนี้ แต่การโปะหนี้จะทำได้เมื่อพ้นเงื่อนไขของการชำระค่างวดเกินกว่ากำหนด ตามที่ระบุไว้ในสัญญาเท่านั้น
ที่มา : www.krungsri.com